วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด.. กรอบนอก นุ่มใน กลิ่นหอมกำลังดี


ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด
ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด
เนื่องจากคุณแม่สามีชอบทานไก่ทอด แต่ชอบแบบไม่ใส่แป้ง ที่เขาขายๆกันก็ใส่แป้งกันแทบทุกเจ้า ที่ไม่ใส่แป้งก็คือไก่ย่างซึ่งคุณแม่สามีไม่ชอบ เราก็ลองสูตรไก่ทอดไปเรื่อยๆ หมักซอสนั้นซอสนี้ แต่ก็ต้องใส่แป้งอยู่ดี เพราะไม่เช่นนั้นจะไหม้ติดกะทะ จนมาลองทำหมักเกลือก็กรอบอร่อยดี แต่ไม่อร่อยสุดๆ ได้ความรู้สึกเหมือนไก่ต้มไหว้เจ้า ที่ทานไม่หมดแล้วเอามาทอด จนได้มาเจอกระทู้ส่งการบ้านของสมาชิกพันทิปท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือเจ้า ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด นี่แหละค่ะ และลองทำตาม ผลที่ออกมา คุณแม่สามีอร่อยติดใจจนให้ทำออกงานบุญมาแล้วหลายครั้ง ^^
สูตรที่ว่านี้ง่ายสุดๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ แค่มีเนื้อไก่ส่วนที่ชอบ น้ำปลาแท้ที่ดีๆ และน้ำมันสำหรับทอด แค่นี้ก็ได้ไก่ทอดอร่อยแล้วววว แต่ขอย้ำก่อนว่า ทอดเสร็จแล้วให้ทานทันที เพราะจะได้สัมผัสความกรอบนอกนุ่มในของไก่ทอดร้อนๆ แต่รอให้เย็นลงก่อนนะคะ ไม่ใช่ขึ้นจากกะทะปุ๊บเข้าปากเลย นอกจากปากจะพองแล้วยังอดทานไก่ด้วยค่ะ เพราะจะเจ็บจนไม่อยากทานอะไรเลย ^^
มาลองดูวิธีทำ “ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด” กันเลยค่ะ (บางคนก็เรียก “ปีกไก่ทอดน้ำปลา” ซึ่งสั้นกว่าและเรียกง่ายกว่า ทั้งที่จริงแล้วเราใช้น้ำมันในการทอด ไม่ได้ใช้น้ำปลาในการทอด จึงขอเรียกแบบยาวๆ “ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด” นะคะ) เริ่มจากเตรียมไก่ส่วนที่ชอบ แต่ขอแนะนำว่าเป็นปีกกลาง จะอร่อยที่สุดค่ะ เพราะปีกกลางหนังเยอะทอดแล้วไขมันจะออกมา หนังกรอบอร่อยเหมือนชุบแป้งทอด เนื้อข้างในนุ่ม รองลงมาคือส่วนสะโพกและน่องไก่ มีเนื้อเยอะ และเพราะมีความมันมากเมื่อทอดแล้วยังคงความนุ่มอยู่ แต่ถ้าเป็นอกไก่ หรือปีกบน ทอดแล้วจะแห้งแข็ง ต้องรีบทาน แต่ถ้าเป็นปีกกลาง เราทานเหลือมื้อหน้าเอามาทอดซ้ำ ก็ยังคงความกรอบนอกนุ่มในอยู่ค่ะ

ขั้นตอน/วิธีทำ ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด

เราเลือกใช้ปีกกลางไก่ ตามเหตุผลที่บอกไว้ด้านบนแล้วนะคะ
ปีกกลางไก่
ปีกกลางไก่
ขั้นตอนแรกในการทำก็คือการหมักไก่ค่ะ ใช้น้ำปลาดีๆ คือน้ำปลาที่ใช้ปลาหมักเยอะๆ หมักนานๆ เมื่อนำมาทำอาหารแล้วจะหอมอร่อยมากๆค่ะ ลองสังเกตและอ่านฉลากข้างขวดแต่ละยี่ห้อดูนะคะ เพราะน้ำปลาหลายยี่ห้อก็ทำน้ำปลาออกมาขายหลายราคาด้วยค่ะ แตกต่างกันไปตามปริมาณวัตถุดิบ และระยะเวลาการหมักบ่ม ซึ่งควรพิจารณาตามความชื่นชอบของแต่ละคนนะคะ แต่ที่ควรระวังเพิ่มเติม และควรสังเกตด้วยเสมอคือปริมาณเกลือค่ะ ถ้าเกลือมากก็อร่อยดี แต่อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพไตของเราในภายภาคหน้านะคะ
สำหรับปีกกลางไก่ของเรา เราใส่น้ำปลาแล้วหมักไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 3 ชม. ก่อนนำมาทอดค่ะ
หมักไก่ด้วยน้ำปลาดี
หมักไก่ด้วยน้ำปลาดี
หลังจากใส่น้ำปลาลงไป ในปริมาณตามความเหมาะสมกับปริมาณไก่นะคะ ก็ต้องคลุกเคล้าให้เข้ากันเสียหน่อย ไม่ใช่ว่าตรงส่วนบนโดนน้ำปลา แล้วด้านล่างไม่โดนน้ำปลาเลย เดี๋ยวปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอดของเราจะกลายเป็น ปีกกลางเค็มปี๋กับจืดชืดผสมกันนะคะ ดังนั้น คลุกเคล้าให้เข้ากันนะคะ
การหมักเนื้อสัตว์ ถ้ามีเวลาไม่มาก เมื่อเราหมักเสร็จแล้ว ไม่ต้องเข้าตู้เย็น แต่ให้พักไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่ต้องกลัวเนื้อสัตว์เน่าเสีย ถ้าเราหมักทิ้งไว้ไม่เกิน 5 ชม. และถ้ามีเวลาเตรียมมากพอ ก็หมักแล้วเข้าตู้เย็นตามปกติ แต่เราต้องหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 คืน หรือเอาส้อมจิ้มๆให้ทั่วเนื้อสัตว์นั้นแล้วค่อยหมักค่ะ
คลุกเคล้าให้เข้ากัน
คลุกเคล้าให้เข้ากัน
การใช้น้ำมันสำหรับทอด แม้การใช้น้ำมันปาล์มทอดอาหารจะขึ้นชื่อเรื่องความกรอบ แต่น้ำมันปาล์มเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง ทำให้เพิ่ม LDL (ไขมันตัวร้าย) ในร่างกาย และไปลด HDL (ไขมันตัวดี) ในร่างกาย
ดังนั้นถ้าเลี่ยงการใช้น้ำมันปาล์มได้ก็ควรเลี่ยง และใช้น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า หรือน้ำมันข้าวโพดแทน ที่สำคัญไม่ควรใช้น้ำมันทอดอาหารซ้ำเกิน 2 ครั้ง
น้ำมันข้าวโพด
น้ำมันข้าวโพด
ตั้งกะทะ ใส่น้ำมัน ใช้ไฟแรงสุด รอจนน้ำมันร้อนจัด แล้วนำไก่ลงทอด ไม่ต้องกลัวไก่ไหม้ค่ะ
ทอดไก่ด้วยไฟแรงสุด
ทอดไก่ด้วยไฟแรงสุด
ถ้าใช้ไฟกลางทอด จะกรอบช้า ใช้ไฟกลางต่อเมื่อเราเอาไก่ที่หมักแล้วออกจากตู้เย็นมาทอดเลย และไม่ควรใช้ไฟอ่อน เพราะทำให้ไก่อมน้ำมันค่ะ
สีเริ่มสวยแล้ว
สีเริ่มสวยแล้ว
ถ้าหมักไก่ไว้เยอะ และคิดว่าทานไม่หมด ก็ทอดพอกรอบ ไม่ต้องแห้งมาก เพราะถ้าทอดแห้งเกินไป การทอดซ้ำครั้งต่อไป ไก่อาจจะแข็ง
เตรียมเอาไก่ขึ้นได้เลย
เตรียมเอาไก่ขึ้นได้เลย
เสร็จแล้วค่ะเมนู “ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด” ง่ายมากๆ ใช่ไหมคะ ไม่ต้องเครื่องปรุงมากมาย ขอเพียงแค่ใช้น้ำปลาดี กลิ่นหอม
พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
น่ากินไหมคะ ทานกับข้าวเหนียวนุ่มก็อร่อยจนเหาะแล้วค่ะ
มาชิมกันค่ะ ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด
มาชิมกันค่ะ ปีกกลางไก่หมักน้ำปลาทอด
การทานอาหารทอดเพียงอย่างเดียวทำให้เสียสุขภาพ ควรทานผักให้มากๆเป็นอันดับ 1 ในแต่ละมื้อและออกกำลังกายตามความเหมาะสม แค่นี้เราก็จะทานอาหารทอดได้อย่างมีความสุขแล้วค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น