วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

5 เคล็ดลับสุดยอดทำสมูทตี้ให้อร่อยโดนใจ


5 เคล็ดลับสุดยอดทำสมูทตี้ให้อร่อยโดนใจ
 
          หากจะยกให้สมูทตี้ เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์กับร่างกายก็คงไม่ผิดนัก เพราะแค่สมูทตี้เพียงแก้วเดียวจะทำให้ร่างกายของคุณก็จะได้รับทั้งวิตามิน เกลือแร่ แอนตี้ออกซิแดนต์ โปรตีน ไขมันที่ดีต่อร่างกาย และสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะส่วนมากจะทำมาจากเนื้อผลไม้สด ๆ รสชาติอร่อย เนื้อเนียนนุ่ม เหมาะกับทุกเพศทุกวัยอีกด้วย
               
          ในวันนี้เราก็เลยอยากจะชวนทุกคนมาสร้างสุขภาพที่ดีพร้อมกันด้วยสมูทตี้เย็น ๆ สักแก้ว แต่จะทำสมูทตี้ให้อร่อยได้นั้นต้องมาดู 5 เคล็ดลับต่อไปนี้ที่เรานำมาฝาก รับรองได้เลยว่า สมูทตี้แก้วนี้ของคุณจะอร่อยสุด ๆ
 
5 เคล็ดลับสุดยอดทำสมูทตี้ให้อร่อยโดนใจ

   Step 1 : เลือกผลไม้

          การจะทำสมูทตี้ให้อร่อย ควรเลือกใช้ผลไม้อย่างน้อย 2 ชนิด จะเป็นผลไม้สดหรือผลไม้แช่แข็งก็ได้ ซึ่งผลไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำสมูทตี้ก็ได้แก่ กล้วย ผลไม้ตระกูลเบอร์รี สาลี่ แตงโม ลูกพีช กีวี สับปะรด มะม่วง และผลอะโวคาโด ทั้งนี้ถ้าต้องการสมูทตี้ที่ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ก็ควรจะเติมผักใบเขียวลงไปด้วย อย่างเช่น ผักโขม ผักร็อกเก็ต หรือหัวผักกาด เป็นต้น
 
5 เคล็ดลับสุดยอดทำสมูทตี้ให้อร่อยโดนใจ

   Step 2 : เลือกของเหลว

          ประเภทของเหลวที่นิยมนำมาใช้ทำ สมูทตี้ ได้แก่ นมวัวหรือนมถั่วเหลือง น้ำผลไม้ กาแฟเย็น ชาเขียวเย็น น้ำมะพร้าวหรือนมมะพร้าว และน้ำ สัดส่วนที่นำมาใช้ต่อ 1 แก้วก็อยู่ที่ประมาณ 1-2 ถ้วย ทั้งนี้คุณสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนของของเหลวได้ตามความเหมาะสมกับปริมาณผลไม้ที่นำมาใช้ในการปั่น อาจจะเพิ่มหรือลดให้น้อยลงก็ได้ คำนึงแค่ว่า ให้รสชาติเข้ากันกับผลไม้ที่เราเลือกเป็นพอ
 

   Step 3 : เติมวัตถุดิบเพิ่มความเข้มข้น
                
          คราวนี้ก็มาเลือกวัตถุดิบเติมความเข้มข้นให้กับสมูทตี้กันบ้าง เพื่อให้เหนียวข้น มีและมีรสชาติที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ส่วนมากแล้วจะนิยมใช้เนยถั่ว โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ไอศกรีม น้ำแข็ง เนื้อมะพร้าว ข้าวโอ๊ต หรือถั่วชนิดต่าง ๆ ซึ่งนอกจากประโยชน์ที่กล่าวมาแล้ว ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารได้อีกทางหนึ่งด้วย
 
 5 เคล็ดลับสุดยอดทำสมูทตี้ให้อร่อยโดนใจ

   Step : 4 เพิ่มความหวานกลมกล่อม
                
          นอกจากนี้ยังสามารถใช้ เครื่องเทศ สมุนไพร และเครื่องปรุงรสอาหารมาช่วยแต่งกลิ่นเพิ่มความหวานให้เครื่องดื่มสมูทตี้ของคุณหวานถูกปากได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล น้ำผึ้ง เมเปิลไซรัป วัตถุแต่งกลิ่นวานิลลา อบเชย ผงลูกจันทร์เทศ มะเดื่อ อินทผลัม และสมุนไพรชนิดต่าง ๆ อย่างเช่น ใบสะระแหน่ หรือใบโหระพา เป็นต้น
 

วิธีการ ทำช็อกโกแลต


ส่วนประกอบ

วิธีทำจากผงโกโก้ (สำหรับมือใหม่)

  • ผงโกโก้ 2 ถ้วย (220กรัม)
  • เนยละลายที่อุณหภูมิห้อง 3/4 ถ้วย (170กรัม)
  • น้ำตาล 1/2 ถ้วย (100กรัม)
  • นมที่อุณหภูมิห้อง 2/3 ถ้วย (150มล.)
  • น้ำตาลป่น 1/4 ถ้วย (30กรัม)
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย (235มล.)

วิธีทำจากเมล็ดโกโก้ (สำหรับผู้เชี่ยวชาญ)

  • เมล็ดโกโก้ (ใช้ราวครึ่งกิโลกรัม เป็นปริมาณสำหรับเริ่มต้นกำลังดี)
    • คุณอาจซื้อเมล็ดโกโก้คั่วบด ให้ข้ามขั้นตอน 1 และ 2 ได้
  • เนยโกโก้
  • ผงโกโก้ปราศจากไขมัน
  • น้ำตาล
  • เลซิติน
  • ฝักวานิลา 1 ชิ้น (ตัวเลือกเพิ่ม)

วิธีทำจากผงโกโก้

วิธีนี้ “คืนชีพ” ผงโกโก้และทำให้มันกลายเป็นช็อกโกแลตเอง ทำได้ง่ายๆ
  1. ตั้งชื่อภาพ Make Chocolate Step 10
    1
    เทน้ำใส่ลงหม้อแล้วต้ม แต่อย่าปล่อยให้น้ำเดือด
  2. ตั้งชื่อภาพ Make Chocolate Step 11
    2
    ผสมผงโกโก้กับเนยที่ละลายแล้วลงในชาม. คนให้เข้ากันเป็นเนื้อครีมที่นุ่ม ใช้ส้อมและเครื่องบดอาหาร หรือแม้กระทั่งเครื่องปั่นแบบมือถือ เพื่อตีส่วนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  3. ตั้งชื่อภาพ Make Chocolate Step 12
    3
    เทส่วนผสมของผงโกโก้ลงไปในหม้อที่ต้มน้ำอยู่แล้วคน ปล่อยให้น้ำร้อนขึ้นได้แต่ไม่ควรปล่อยจนเดือด
    • เทส่วนผสมร้อนๆ ลงในชาม
      ตั้งชื่อภาพ Make Chocolate Step 12Bullet1
  4. ตั้งชื่อภาพ Make Chocolate Step 13
    4
    ร่อนน้ำตาลและน้ำตาลป่นพร้อมกันใส่ไว้ในชามแยกอีกใบ. พยายามร่อนให้ร่วนที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ จากนั้นเทน้ำตาลที่ร่อนเสร็จลงในชามที่มีส่วนผสมของโกโก้ร้อนๆ แล้วคน
    • เติมนม แล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
      ตั้งชื่อภาพ Make Chocolate Step 13Bullet1
  5. ตั้งชื่อภาพ Make Chocolate Step 14
    5
    เทเนื้อช็อกโกแลตที่คนเข้ากันแล้วลงในถาดแม่พิมพ์ให้เป็นแผ่นบางๆ. เนื่องจากช็อกโกแลตจะขึ้นรูปตามทรงแม่พิมพ์ ถ้าใช้ถาดอบสี่เหลี่ยมเป็นแม่พิมพ์ ช็อกโกแลตก็จะออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยม
  6. ตั้งชื่อภาพ Make Chocolate Step 15
    6
    แช่ช็อกโกแลตไว้ในตู้เย็นหรือตู้แช่เย็น ทิ้งไว้ข้ามคืนให้แข็งตัว
    1. 6
      เคี่ยวและทำให้ช็อกโกแลตนิ่มขึ้น. จากคำว่า “เคี่ยว” ให้รวมถึงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กลิ่น และเนื้อช็อกโกแลต ในขณะที่การทำให้ช็อกโกแลต “นิ่มขึ้น” หมายถึง ทำให้เนื้อเมล็ดโกโก้และน้ำตาลมีขนาดเล็กลง กระบวนการทั้งสองขั้นนี้ทำได้พร้อมกันโดยใช้เครื่องบดเปียก (Wet Grinder) (มีรายงานว่าเครื่องบดเปียกของ Spetra 10 melanger (Stone Chocolate Melanger) ใช้ได้ดีในการเคี่ยวช็อกโกแลต) คุณจะเคี่ยวและทำให้ช็อกโกแลตนิ่มอย่างไรขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่คุณใช้ ลองอ่านคำแนะนำการใช้ Spetra 10 melanger นี่ดู

      ตั้งชื่อภาพ Santhaend_779
      • ละลายช็อกโกแลตและเนยโกโก้ในเตาอบที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส
      • ผสมนมผงปราศจากไขมัน น้ำตาล และเลซิตินเข้าด้วยกัน
      • เทส่วนผสมช็อกโกแลตลงในเครื่องบด ใช้ไดร์เป่าผมเป่าละลายช็อกโกแลตเป็นเวลา 2-3 นาที เพื่อให้ช็อกโกแลตละลายในช่วงชั่วโมงแรก (จนกว่าแรงหมุนจากเครื่องบดทำให้ช็อกโกแลตละลายได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อนภายนอกเพิ่ม)
      • ทำให้ช็อกโกแลตละลายเป็นเนื้อเดียวกันต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ชั่วโมง และไม่เกิน 36 ชั่วโมง จนกว่าช็อกโกแลตจะมีรสชาติกลมกล่อมและเนื้อเนียน แต่ให้แน่ใจว่าไม่ข้นจนเกินไป (ไม่เช่นนั้นคุณจะได้ช็อกโกแลตเหนียวแบบหมากฝรั่งแทน)
        • ถ้าต้องการหยุดพักช่วงนี้ (ตัวอย่างเช่น ในตอนกลางคืนขณะที่คุณกำลังเข้านอน อ่านตรงคำเตือน) ปิดเครื่องบด วางชามที่มีฝาครอบไว้ในเตาอบหลังเปิดไว้ก่อนที่อุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส จากนั้นปิดเครื่องก่อนนำชามมาใส่ทิ้งไว้ข้ามคืน เนื้อช็อกโกแลตจะไม่จับตัวเป็นก้อน แต่ถ้าเกิดจับตัวล่ะก็ เปิดฝาที่ครอบออกแล้วอุ่นที่อุณหภูมิ 65 - 80 องศาเซลเซียส จนกว่าช็อกโกแลตจะละลาย (ระวังอย่าให้ชามที่ใส่ละลายด้วย)
    2. 7
      ละลายช็อกโกแลตในอุณหภูมิที่ต่ำลง ทำให้เกิดความมันวาว. นี่ดูจะเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด แต่เพื่อให้มั่นใจว่าช็อกโกแลตจะมันวาวและ”หัก”ได้ ดีกว่าช็อกโกแลตมีผิวด้านและนิ่มจนละลายในมือคุณ อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการทำแบบนี้คือ คุณสามารถทำขั้นตอนนี้ซ้ำได้หลายครั้งจนกว่าคุณจะพอใจ (ได้ตามที่ต้องการ) และช็อกโกแลตยังไม่เสีย สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าปล่อยให้มีความชื้นในช็อกโกแลต

      • ระวังขณะละลายช็อกโกแลต คุณสามารถทำขั้นตอนนี้ได้โดยใช้เตาอบถ้าคุณทำช็อกโกแลตในปริมาณมาก หรือคุณสามารถใช้หม้อต้มซ้อนกันสองใบวางไว้บนเตา แล้วแต่คุณเลือก ทำให้แน่ใจว่าช็อกโกแลตไม่ไหม้ (คอยคนไปเรื่อยๆ) ละลายช็อกโกแลตในปริมาณมากกว่า 680 กรัม เพราะถ้าน้อยกว่านี้ การทำให้ช็อกโกแลตมันวาวจะยากขึ้น

        ตั้งชื่อภาพ Temper2_415
      • เมื่อช็อกโกแลตละลายที่อุณหภูมิประมาณ 45 ถึง 50 องศาเซลเซียส ให้เทช็อกโกแลตใส่ชามที่แห้งและเย็น จากนั้นคนต่อจนอุณหภูมิลดลงเหลือ 38 องศาเซลเซียส ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดน้ำตาล (candy thermometer) เพื่อวัดอุณหภูมิ ช็อกโกแลตในชามนั้นควรมีอุณหภูมิคงที่ในตอนที่คุณจัดการกับช็อกโกแลตส่วนที่เหลืออยู่
      • เทหนึ่งในสามของช็อกโกแลตในชามลงบนหน้าเคาน์เตอร์หน้าเรียบ หรือบนพื้นผิวอื่นๆ (แกรนิต หรือหินอ่อน เป็นตัวเลือกดีที่สุด) ใช้ไม้พายตีช็อกโกแลตให้กระจายออกแล้วกวาดกลับเข้ามารวมกันใหม่

        ตั้งชื่อภาพ Temper4_692
      • ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าช็อกโกแลตจะลดเหลืออุณหภูมิที่ราว 30 องศาเซลเซียส ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที เวลาที่ช็อกโกแลตเย็นถึงจุดนั้นแล้ว ควรจะมีเนื้อหนาและเหนียวนุ่ม
      • เติมช็อกโกแลตในชามที่อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียสลงไปเพิ่ม เพื่อให้ตีและนวดช็อกโกแลตได้ต่อ ค่อยๆ ทำให้ช็อกโกแลตเหนียวนุ่ม.

        ตั้งชื่อภาพ Temper5_578
      • นำช็อกโกแลตเทกลับใส่ลงในชามที่มีช็อกโกแลตอุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส คนอย่างเบามือ และพยายามไม่ให้เกิดฟองขณะคน

        ตั้งชื่อภาพ Temper6_633
      • เช็คอุณหภูมิช็อกโกแลต คุณต้องใช้อุณหภูมิที่ 32 องศาเซลเซียส แต่”อย่า” เกิน 33 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิสูงไปกว่านี้ คุณอาจต้องเริ่มกระบวนการนี้ใหม่อีกครั้ง
      • มีทางเลือกอย่างอื่นคือ คุณสามารถซื้อเครื่องทำให้ช็อกโกแลตมันวาวได้ตามอินเทอร์เน็ต ในราคา 9,000 - 12,000 บาท
        ตั้งชื่อภาพ Tempering Machine
    3. ตั้งชื่อภาพ Chocolate Mold
      8
      เทช็อกโกแลตลงในแม่พิมพ์ตอนที่อุณหภูมิยังอยู่ที่ 32 องศาเซลเซียส. ระวังไม่ให้กระเด็นออกนอกแม่พิมพ์
      • บางคนรู้สึกว่าใช้กระบอกบรรจุช็อกโกแลตแล้วฉีดลงในแม่พิมพ์ได้ผลดี แต่คุณจะพบว่าการเทช็อกโกแลตขณะที่มือนิ่งๆ อยู่นั้นง่ายกว่ากันเยอะ
      • หลังจากเทช็อกโกแลตทั้งหมดลงในแม่พิมพ์เสร็จแล้ว คุณจะแช่แข็ง แช่เย็น หรือปล่อยให้ช็อกโกแลตแข็งตัวที่อุณหภูมิของห้องก็ได้ ไม่มีวิธีไหนถูกหรือผิด เลือกวิธีที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับคุณ แต่ยังไงก็ตาม คุณอาจให้ช็อกโกแลตแข็งที่อุณหภูมิห้องถ้าคุณอยู่ในแถบเขตอบอุ่น ซึ่งต้องหาจุดที่เย็นกว่าอุณหภูมิห้อง เพื่อวางให้ช็อกโกแลตแข็งตัว
    4. ตั้งชื่อภาพ First milk chocolate bars
      9
      แกะช็อกโกแลตออกจากแม่พิมพ์หลังจากช็อกโกแลตแข็งตัวแล้ว. ช็อกโกแลตควรจะมีผิวมันวาวและหักดังเป๊าะออกเป็นสองท่อน
      • ถ้าคุณยังไม่พอใจกับช็อกโกแลตที่ออกมา คุณสามารถทำขั้นตอนให้ช็อกโกแลตมันวาวนี้ใหม่ได้ ตราบเท่าที่ช็อกโกแลตนั้นยังแห้งและคุณยังไม่ทำมันไหม้

    เคล็ดลับ

    • คุณสามารถทำอะไรกับช็อกโกแลตของคุณได้หลายอย่างหลังจากทำพวกมันเสร็จ คุณจะขายช็อกโกแลต ให้เป็นของขวัญ หรือกินพร้อมกับเพื่อนๆ และคนในครอบครัวอย่างเอร็ดอร่อยก็ได้ ช็อกโกแลตโฮมเมดเป็นของขวัญที่สุดยอด ทดลองทำของขวัญที่มาจากช็อกโกแลตในหลายๆ รูปแบบ ให้ช็อกโกแลตเป็นของขวัญในวันหยุด หรือวันเกิด เพื่อให้คนได้เอร็ดอร่อยกับช็อกโกแลตคุณ ไม่ว่าคุณจะเลือกทำแบบไหน ขั้นตอนเหล่านี้ก็จะมอบความสุขและสนุกได้
    • ตรวจดูว่าผงโกโก้นั้นละลายหมด
    • ถ้าคุณใช้ไวท์ช็อกโกแลต และต้องการเพิ่มสีสันให้กับมัน อย่าใช้สีผสมอาหารทั่วไป เพราะจะมีส่วนผสมของน้ำ และช็อกโกแลตคุณจะมีสีหรือรสชาติที่สังเคราะห์ขึ้น คุณควรจะใช้แค่ส่วนผสมแบบผงหรือเจล
    • อย่าข้ามขั้นตอนการย่าง เมล็ดโกโก้จำเป็นต้องย่างก่อน เพื่อฆ่าเชื้อและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ เช่นเดียวกับเป็นจุดตั้งต้นของปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้ช็อกโกแลตมีรสชาติเหมือนช็อกโกแลต
    • การทำช็อกโกแลตเป็นกระบวนการเรียนรู้ อย่าคาดหวังว่าช็อกโกแลตก้อนแรกของคุณจะสมบูรณ์แบบ ถ้าคุณทำช็อกโกแลตหลายครั้ง คุณจะพบว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคุณและอะไรไม่ใช่ คุณอาจเพิ่มส่วนผสมของคุณเอง หรือใช้วิธีการในการย่าง หรือทำให้เนื้อช็อกโกแลตมันวาวในแบบฉบับของคุณเอง หาข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคอื่นๆ และลองดูว่าคุณจะหาสิ่งไหนมาเองได้ ทดลองทำด้วยตัวคุณเอง
    • ครัวคุณจะเลอะเทอะมากตอนที่คุณบดเมล็ดโกโก้

วิธีทำสปาเก๊ตตี้คาโบนาร่า (Spaghetti Cabonara) 


Spaghetti Alla Cabonara_048
สปาเก๊ตตี้คาโบนาร่าเป็นอาหารที่ออฟโปรดปรานมากๆ ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่สั่งแทบจะทุกครั้ง ถ้าได้ไปทานร้านอาหารที่เค้ามีเมนูนี้ ซึ่ง หลังจากที่ตระเวณทานและลิ้มลองรสชาติของสปาเก๊ตตี้คาโบนาร่า มาหลายร้านก็เลยอยากจะมาลองทำเองบ้าง เพราะจริงๆ แล้วไปทานตามร้านอาหารนี่จานนึงก็ 140 up ตลอดเลย งานนี้เลยหาสูตร ไปซื้อของแล้วลากลูกมือ (ไผ่) มาทำทานกันเองดูค่า

เครื่องปรุงของสปาเก๊ตตี้คาโบนาร่า

Spaghetti Alla Cabonara_001
  1. เส้นสปาเกตตี้ 125 กรัม
  2. เบคอนหมู 120 กรัม (100 กรัมสำหรับคลุกในเส้น, 20 กรัมสำหรับโรยหน้า)
  3. ไข่ไก่ทั้งฟอง 2 ฟอง ไข่แดงอย่างเดียว  1   ฟอง
  4. ชีสพามาซานขูด 1 ช้อนโต๊ะสำหรับทำซอส และอีก 1 ช้อนโต๊ะ ไว้โรยตอนเสริ์ฟ
  5. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทอดเบคอน) และอีก 2-3 หยดสำหรับต้มเส้นสปาเก็ตตี้
  6. พริกไทยดำป่น
  7. เกลือ

การเตรียมเครื่องปรุงในการทำสปาเก๊ตตี้คาโบนาร่า

  1. หั่นเบคอนเป็นชิ้นๆSpaghetti Alla Cabonara_034
    ออฟซื้อเบคอนที่ ท็อปส์ 150 กรัม ราคา 74 บาทค่ะSpaghetti Alla Cabonara_037นำมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ แต่ไม่้ต้องเล็กมากนะคะ
    Spaghetti Alla Cabonara_006
  2. ขูดชีสพามาซานSpaghetti Alla Cabonara_002
    ชีสพามาซานนี่แนะนำให้ซื้อเป็นแท่งมานะคะ แล้วมาขูดเอาเอง ออฟซื้อมา 142 กรัมราคา 191.75 บาทใช้จริงๆ ประมาณ 30 กรัม ได้ค่ะSpaghetti Alla Cabonara_003
    ที่ขูดนี้ออฟมีอยู่แล้วที่บ้าน แต่ถ้าใครไม่มีจริงๆ แล้วไม่อยากซื้อที่ขูดก็ซื้อแบบที่เค้าขูดมาให้แล้วก็ได้ค่ะSpaghetti Alla Cabonara_038Spaghetti Alla Cabonara_007

วิธีทำสปาเก๊ตตี้คาโบนาร่า

  1. เตรียมซอสคาโบนาร่ากันก่อนเลยค่ะ โดยตีไข่ไก่ทั้งฟอง 2 ฟอง ไข่แดงอย่างเดียว  1   ฟอง ให้ขึ้นฟูSpaghetti Alla Cabonara_011
  2. เติมพริกไทยดำ 1 ช้อนชาและเกลือหยิบมือนึงSpaghetti Alla Cabonara_010
  3. จากนั้นใส่ชีสพามาซานขูด 1 ช้อนโต๊ะ แล้วตีให้เข้ากัน แล้วตั้งทิ้งไว้ก่อนSpaghetti Alla Cabonara_013
  4. ต้มนำให้เดือดก่อนค่ะ ออฟใช้น้ำ 1000 กรัม และใส่น้ำมันมะกอกสอง สาม หยด เกลือซักหยิบเล็กๆ แล้วต้มจนน้ำเดือดSpaghetti Alla Cabonara_014
  5. แบ่งเส้นสปาเก็ตตี้มาประมาณครึ่งนึงคะ (ของออฟซองนึงมัน 250 กรัม)Spaghetti Alla Cabonara_035Spaghetti Alla Cabonara_015
  6. เมื่อน้ำเดือดก็ให้คลี่เส้นสปาเก็ตตี้ให้แผ่ๆออกจากกัน (เพื่อไม่ให้เวลาโดนน้ำ แล้วมันติดกัน) จากนั้นให้ใส่ลงไปในหม้อต้มแล้วเริ่มจับเวลาของออฟใช้เวลา 8 นาทีนะคะSpaghetti Alla Cabonara_017
  7. ในขณะที่รอสปาเก็ตตี้สุกก็เตรียมกระทะในการทอดเบคอนค่ะ โดยเลือกกระทะที่ใหญ่พอที่จะคลุกเส้นสปาเก็ตตี้ได้ด้วยนะคะ เริ่มต้นการทอดด้วยการใส่น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ ลงไป แล้วนำเบคอนที่หั่นใส่ถ้วยเอาไว้แล้วมาทอด ออฟชอบแบบกรอบๆ นะคะ สำหรับคนที่ชอบแบบไม่กรอบก็ไม่ต้องทอดนานนะคะSpaghetti Alla Cabonara_019
  8. เมื่อทอดจนได้ที่ต้องการแล้วให้ปิดไฟ แล้วเขี่ยเบคอนเอาไว้ข้างกระทะนะคะSpaghetti Alla Cabonara_024
  9. ของออฟนั้นเมื่อทอดเบคอนเสร็จแล้วอีกแปปนึงเ้ส้นสปาเก็ตตี้ก็ได้ที ก็ให้เทใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำค่ะSpaghetti Alla Cabonara_026
  10. เมื่อเส้นอยู่ในกระชอนหมดแล้วให้เทเส้นในกระทะที่มีเบคอนอยู่เลยค่ะSpaghetti Alla Cabonara_027
  11. จากนั้นเทซอสที่เตรียมไว้ลงไป แล้วคนให้เข้ากัน ตอนแรกน้ำจะท่วมๆ ไม่ต้องตกใจนะคะ ให้คนไปเรื่อยๆ ก่อนเมื่อมันเริ่มเข้ากันแล้วให้เปิดไฟอ่อนๆ แล้วคนต่ออีกนิดนึงน้ำซอสจะได้เข้มข้นขึ้นSpaghetti Alla Cabonara_043
  12. ตักสปาเก็ตตี้ใส่จานค่ะSpaghetti Alla Cabonara_030
  13. ออฟทอดเบคอนอีก 2 แถวเพื่อใช้ในการโรยหน้าSpaghetti Alla Cabonara_031
  14. โรยชีสและเบคอนบนสปาเก๊ตตี้คาโบนาร่า แล้วทานได้เลยค่าSpaghetti Alla Cabonara_032Spaghetti Alla Cabonara_047

หมายเหตุ

– ต้นทุนต่อจานคิดแล้วประมาณ 60 บาทค่ะ
– สูตรนี้ออฟว่ารสชาติโอเคแล้ว แต่ถ้าคนชอบซอสแบบเข้มข้นกว่านี้อาจจะเพิ่มชีสพามาซานในส่วนของซอสคาโบนาร่าอีกได้นะคะ
– ใช้เวลาจริงๆ ทั้งหมดประมาณ 1  ชั่วโมง เนื่องจากมือใหม่และทำไปถ่ายรูปไปด้วยค่ะ